Lifestyle Review First to review รีวิว Keychron K2 คีย์บอร์ด Mechanical ไร้สาย ใช้ได้ทั้ง iOS, Android, macOS และ Windows

รีวิว Keychron K2 คีย์บอร์ด Mechanical ไร้สาย ใช้ได้ทั้ง iOS, Android, macOS และ Windows

TIME FOR READING
9 Min. Read
TAGS
TEXT TO SPEECH
รีวิว Keychron K2 คีย์บอร์ด Mechanical ไร้สาย ใช้ได้ทั้ง iOS, Android, macOS และ Windows

คีย์บอร์ด Keychron แบรนด์คีย์บอร์ด Mechanical ยอดนิยมและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยเปิดตัว K1 ใน Kickstarter เรียกได้ว่าคะแนนเสียงถล่มทลายและออกรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ใช้งานที่พิมพ์สัมผัสไม่คล่องต้องคอยมองแป้นพิมพ์อยู่บ่อย ๆ อาจจะไม่ค่อยถูกใจกับ คีย์บอร์ด Keychron สักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้มีการสกรีนตัวอักษรภาษาไทยมาให้ แต่ถ้าใครที่เซียนพิมพ์สัมผัสแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าได้ดื่มด่ำกับเสียงแป้นพิมพ์สุดมันส์ตัวนี้อย่างอิ่มเอมใจแน่นอน

Update! เมื่อไม่นานมานี้มีการนำเข้าคีย์บอร์ด Keychron ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมสกรีนคีย์บอร์ดตัวอักษรภาษาไทยมาให้เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่แกะกล่อง คราวนี้ก็ไม่เป็นปัญหาทั้งผู้ใช้งานแบบพิมพ์สัมผัสและผู้ใช้งานแบบต้องแอบมองแป้นอีกต่อไป และล่าสุดได้มีการนำเข้า Keychron K2 Mehanical Keyboard 75% รุ่นใหม่

การออกแบบที่ผสานเอกลักษณ์แบรนด์อย่างลงตัว

Keychron K2 มาพร้อมกับ Keycap สี Two-tone เทาอ่อนและเทาเข้ม แทรกด้วย Keycap สีส้ม 1-2 ปุ่ม ตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ ตัว Keycap เป็นชนิด ABS สลักภาษาไทยมาให้เรียบร้อยครบทุกปุ่ม

เปิดกล่องมาจะได้ Keycap ทั้งหมดเป็นของ Mac Layout เลย ส่วนถ้าใครอยากเปลี่ยนเป็น Windows Layout ก็มี Keycap ของ Windows ให้มาในกล่องด้วยเช่นกัน สามารถนำมาเปลี่ยนได้เลย วิธีเปลี่ยนก็ไม่อยาก จะใช้มือดึงออกก็ได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะในกล่องแถวตัวดึง Keycap มาให้ แนะนำให้ใช้อุปกรณ์จากกล่องดีกว่า

ตัวคีย์บอร์ดมีขนาด 75% ที่มีปุ่ม Function Row มาให้ครบ ไม่ต้องกดคีย์ลัด แถมยังใช้เป็นปุ่มลัดพื้นฐานของ macOS ได้ด้วย ส่วนปุ่ม Capture Screen ก็มีมาให้ด้วยนะ ยังไม่รวมถึงปุ่มอื่น ๆ ที่มีโอกาสได้ใช้ เช่น Del, Home, Page Up, Page Down และ End

กรอบนอกของคีย์บอร์ดตัวนี้เป็นวัสดุอะลูมิเนียมสีดำผิวด้าน แข็งแรงมาก แถมหนักด้วย ลองเอามืดบิด ๆ ดูเล็กน้อย ตัวบอร์ดไม่ขยับเลย

ด้านข้างของคีย์บอร์ดประกอบด้วย 3 ส่วน

1. พอร์ต USB Type-C สำหรับการเชื่อมต่อแบบใช้สาย
2. OS Switch สำหรับการเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ mac / iOS และ Windows / Android
3. Power Switch สำหรับการปิด-เปิดใช้งานโหมดใช้สายต่อ และแบบบลูทูธไร้สาย

วิธีการเชื่อมต่อ Keychron K2

Keychron K2 สามารถเชื่อมต่อได้ 2 แบบ ทั้งแบบใช้สายและแบบไร้สาย สำหรับแบบใช้สายแค่ต่อสายเชื่อมต่อแล้วเลื่อน Power Switch ไปที่ Cable เท่านั้น แต่สำหรับการใช้งานแบบไร้สาย มีขั้นต่อดังนี้

  1. เลื่อน Power Switch ด้านข้างไปที่ BT (Bluetooth)
  2. กดปุ่ม Fn พร้อมตัวเลข 1, 2 หรือ 3 ค้างไว้เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ตามลำดับ ได้สูงสุด 3 เครื่อง

วิธีการสลับ Keychron K2 คีย์ระหว่าง macOS / iOS และ Windows / Android

อย่างที่เรารู้กันดีว่า Keychron K2 สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 3 เครื่องด้วยกัน ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต แต่ละอุปกรณ์ก็มีคีย์บอร์ดที่แตกต่างกันออกไป Keychron K2 ได้คิดวิธีแก้ปัญหานี้เอาไว้ในปุ่ม Switch ด้านข้างเรียบร้อยแล้ว

  • ใช้งานกับ macOS หรือ iOS ให้เลื่อน Switch ด้านข้างไปที่ mac / iOS
  • ใช้งานกับ Windows หรือ Android ให้เลื่อน Switch ด้านข้างไปที่ Win / Android

การใช้งาน Keychron K2 ในชีวิตจริง

เรียกได้ว่าไร้ปัญหาทั้งการเชื่อมต่อและการใช้งาน เพราะใช้ได้ทั้งทำงานทั่ว ๆ ไป พิมพ์เอกสารต่าง ๆ ไปจนถึงเล่นเกมมันส์ ๆ ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด ในตัว Keychron K2 เวอร์ชั่นนี้จะปรับความลาดเอียงของตัวคีย์บอร์ดเพิ่มให้เข้ามือขึ้นเล็กน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ถึงจะมีความหนามากขึ้นแต่กลับพิมพ์ง่ายกว่าเดิม อย่างไรก็ตามถ้ามีที่รองอุ้งมือมาด้วยจะสบายกว่านี้อีก เพราะลดอาการปวดเมื่อยข้อมือเมื่อใช้งานนาน ๆ

ตัว Switch ของ Keychron K2 ผลิตโดย Gateron เลือกได้ 3 รุ่น

C1 – Red Switch (สีแดง)
เสียงเบา แรงต้าน 45±15gf ประเภท Linear เหมาะสำหรับคนทำงานออฟฟิศและสาย Gaming หนัก ๆ

C2 – Blue Switch (สีฟ้า)
เสียงดัง แถมมีสองจังหวะ แรงต้าน 60±15gf ประเภท Clicky เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการพิมพ์สัมผัส พิมพ์แล้วได้ยินเสียงคลิก ๆ (แต่ไม่ได้แปลว่าคนข้าง ๆ จะชอบเหมือนกัน ใช้คนเดียวที่บ้านจะฟินกว่า เพราะเสียงดังเอาเรื่อง)

C3 – Brown Switch (สีน้ำตาล)
เสียงนุ่มลึก แรงต้าน 55±15gf ประเภท Tactile เหมาะสำหรับคนทำงานออฟฟิศและสาย Gaming เบา ๆ

สำหรับใครที่ใช้งานหลายอุปกรณ์ต้องถูกใจ เพราะเวลาใช้งานจริง Keychron K2 สลับอุปกรณ์ได้ค่อนข้างว่องไวเลยทีเดียว และง่ายมาก ๆ แค่กด Fn + 1, 2 หรือ 3 ตามที่เชื่อมต่อไว้ ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาว ๆ เพราะให้มาถึง 4000mAh (เยอะกว่าโทรศัพท์มือถือบางรุ่นเสียอีก)

ใครที่ชื่นชอบการพิมพ์สัมผัสเป็นชีวิตจิตใจ สายออฟฟิศทั่วไปแต่พิมพ์ไวปานวอก หรือสายเกมเมอร์เล่นเกมมันส์ ๆ อยากได้คีย์บอร์ดสักอันที่เสียงฟิน ๆ แนะนำ Keychron K2 (Brown Switch) เพราะเสียงนุ่มกำลังดี ดังพอประมาณ  ส่วนเรื่องดีไซน์ก็ต้องยกให้เขาอีกเช่นกัน เพราะว่าคู่สีสวยงาม ในส่วนของแป้นพิมพ์ที่เป็นสีเทาอ่อนและเทาเข้ม ไม่ต้องกังวลเรื่องเปรอะเปื้อนใด ๆ และการแทรกด้วยสีส้มก็ทำให้คีย์บอร์ดดูน่ารักมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที 

Keychron K2 (Brown Switch) ราคา 3,890 บาท
ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในช่วงนั้น

TAGS
FIRSTER NEWS (Copy) RECOMMENDED BEAND